How to define and reach the target audie...

กำหนดและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของแอปมือถือคุณ

จากโฆษณาบนมือถือจนถึงการตลาดบนโซเชียลมีเดีย นั้นมีหลายวิธีที่จะเข้าถึงผู้เข้าชม คนที่อาจจะกำลังสนใจสินค้าของคุณ ยังไงก็ตามกับ แอป 3.48 ล้าน ที่มีอยู่บน Google Play Store และอีก 2.22 ล้านแอปบน iOS การแข่งขันกันนั้นมีความรุนแรงในแอปทุกประเภท และนี้ทำให้ความสำคัญของการระบุกลุ่มเป้าหมาย (target audience)เพื่อที่จะหาทางเข้าถึงกลุ่มคนนั้น มีความสำคัญกว่าที่เคย ในคู่มือนี้ เรารวมทุกอย่างที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการกำหนด กลุ่ม target auduince และแบ่งปันวิธีการที่ดีที่สุดที่จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการกำหนดเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง

ทำไมการกำหนดกลุ่ม target auduince ถึงมีความสำคัญ

ถึงแม้ว่าสินค้าที่มีเอกลักษณ์มากที่สุดยังต้องหาจุดเชื่อมโยงระหว่างมูลค่าของสินค้าและหากลุ่มเป้าหมายที่จะได้ผลประโยชน์ คุณควรจะพิจารณากลุ่มเป้าหมายของคุณตั้งแต่ตอนเริ่มต้นเพราะว่ามันจะบอกถึงฟีเจอร์ของแอปคุณ, การดีไซน์ UX/UI และการหารายได้จากสินค้าของคุณ

ค่อยๆใช้เวลากำหนดกลุ่มเป้าหมายที่แม่นยำ มันจะช่วยให้แอปคุณเติบโตอย่างรวดเร็ว มากว่านั้น คุณสามารถรวบรวมบข้อมูลและเรียนรู้จากพฤติกรรม เทรนด์เพื่อจะเพิ่มประสิทธิภาพการกำหนด targeting. ตัวอย่างเช่น การใช้ audience segmentation tools จะช่วยให้คุณสามารถสร้างกลุ่ม lookalike audience เพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงผู้ใช้งานที่เป็นเป้าหมายของคุณจริงๆ ที่มีมูลค่าสูงสำหรับคุณ

กำหนดเป้าหมาย target auience อย่างไร

  1. ทำความเข้าใจมูลค่าของสินค้าคุณ: ขั้นตอนแรกในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายคือการเจ้าใจสินค้าตัวเองอย่างแท้จริง จุดนี้คือการไปมากกว่าแค่ลิสต์ฟีเจอร์ของสินค้าคุณออกมา เพื่อให้มั่นใจว่าคุณถามคำถามว่า แอปของคุณมีมูลค่าอะไรต่อผู้ใช้งานแต่ละกลุ่ม เรื่องนี้รวมไปถึงคำถามเช่น:

    ผลิตภัณฑ์ของเราทำอะไรกันนะ?

    อะไรที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราโดดเด่น?

    ทำไมแอปของเราถึงจะดึงดูดให้ผู้ใช้งานเลือกที่จะติดตั้ง?

    กลุ่ม target audience ของคุณคือใครที่สามารถใช้ประโยชน์จากมัน ดังนั้นเหล่านี้เป็นคำถามสำคัญที่จะต้องถามแต่เนิ่นๆ คำถามจะถูกตอบจาก market search และพฤติกรรมผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง แต่นี้เป็นวิธีทื่ฉลาดที่จะวางแผนสำหรับการหาผู้ใช้งานมาติดตั้งแอปและสร้างรายได้

  2. ทำการวิจัยตลาด: การวิจัยตลาดเป็นขั้นตอนสำคัญในการกำหนด target audience ของคุณ สิ่งนี้จะทำให้เห็นว่าคู่แข่งของคุณนำเสนออะไรให้แก่ผู้ใช้งาน ข้อบกพร่องของพวกเขาและจุดไหนที่พวกเขาประสบความสำเร็จ และคุณต้องเรียนรู้จาก pain points ของคู่แข่งคุณเพื่อที่จะได้สะสมข้อมูลเชิงลึกและนำไปใช้กับแอปของคุณโดยการเปรียบเทียบ

    เพิ่มเติมในเรื่องของการหาข้อมูลผลิตภัณฑ์คู่แข่งของคุณ ในอีกทางคุณก็ควรที่จะศึกษาว่าพวกเขากำหนดเป้าหมายผู้ใช้งานอย่างไร — ถ้าเป็นไปได้ —  ก็ควรเริ่มจากกิจกรรมนี้ มีตั้งแต่วิธีการที่พวกเขาใช้ผ่านช่องทางโซเชี่ยลต่างๆ ไปจนถึงการบริการลูกค้า in-app

  3. จำแนก demographic ของกลุ่มเป้าหมายคุณ: การวิจัยตลาดและการวิเคราะห์ข้อมูลสามารถช่วยให้คุณระบุกลุ่มเป้าหมายได้ โดยที่จะมีการคัดแยกโดยหลักประชากรศาสตร์และความสนใจ ต่อไปนี้จะเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการใช้เพื่อคัดแยกกลุ่มเป้าหมายของคุณ

    สถานที่ ตำแหน่งกลุ่มเป้าหมายของคุณย่อมจะส่งผลต่อเทรนด์พฤติกรรมและความสนใจของผู้ใช้งาน ปัจจัยนี้มีผลต่อทุกๆ สิ่งตั้งแต่จำนวนประชากรที่ใช้งานแอปประเภทของคุณไปจนถึงพฤติกรรมการใช้งานมือถือและนิสัยของการใช้จ่าย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในแอปของคุณ ปัจจัยนี้มีความแม่นยำตั้งแต่ระดับภูมิภาค ประเทศ รัฐ เขตหรือเมืองเลยทีเดียว

    ช่วงอายุ นี่คืออีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยในเรื่องของดีไซน์ ฟีเจอร์และรูปแบบการหารายได้ในแอปของคุณ การจัดกลุ่มต่างๆ ถือเป็นอีกวิธีที่ฉลาดในการใช้ระบุเป้าหมายโดยมีอายุเป็นปัจจัย

    เพศ: ถึงแม้ว่าคุณต้องการที่จะกำหนดเป้าหมายในทุกเพศสำหรับแอปของคุณ คุณอาจจะยังต้องใช้ปัจจัยนี้ในการคัดแยกกลุ่มต่างๆ วิธีนี้ทำให้คุณสามารถกำหนดเป้าหมายในแต่ละเพศได้แตกต่างกัน

    ภาษา: การใช้ภาษาท้องถิ่นเป็นวิธีที่ฉลาดในการขยายธุรกิจของคุณ ด้วยภาษาต่างๆ ที่พูดกันอยู่มากมายบนโลกใบนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะสร้างแอปให้รองรับสำหรับทุกๆ คน โดยปกติแล้วจะผูกภาษาเข้ากับพื้นที่เป้าหมาย ภาษาที่ให้บริการจะมีผลต่อการบรรลุเป้าหมายในการเติบโตของคุณ

    การศึกษา: ระดับการศึกษาของผู้ใช้งานนั้นเป็นปัจจัยที่มีผลเหมือนกัน ตัวอย่างเช่นระดับความสามารถในการอ่าน เรื่องนี้จึงจำเป็นต้องมีการพิจารณาว่าคุณสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายอย่างไร

    ความสนใจ: การใช้เงินทำการตลาดไปกับการโฆษณาจะไม่มีประโยชน์ไปเลย ถ้ากลุ่มคนพวกนั้นไม่ได้สนใจแอปของคุณเลย กลุ่มเป้าหมายของคุณควรถูกพิสูจน์แล้วว่ามีความสนใจในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทของคุณ การทำแบบนี้จะเป็นการจัดมูลค่าแอปของคุณด้วยกลุ่มผู้ใช้งานซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้นได้ ความสนใจของผู้ใช้งานควรที่จะพิจารณาเวลาที่มีการออกแบบงานสร้างสรรค์โฆษณาของคุณ

    เครื่องมือถือ คุณก็สามารถระบุเป้าหมายโดยใช้ประเภทของเครื่องมือถือได้ด้วย เช่น ถ้าแอปของคุณให้บริการเพียงแค่ Andriod หรือ iOS เท่านั้น

    สถานภาพทางครอบครัว: เรื่องนี้ถือว่าเป็นประโยชน์ เพราะไม่ว่าจะสถานภาพสมรสหรือใดๆ ก็ตาม ครอบครัวของผู้ใช้งานนั้นจะส่งผลต่อเวลาและการใช้จ่าย

    อาชีพ: อาชีพของกลุ่มเป้าหมาย จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นรายได้ของพวกเขาหรือระยะเวลาการใช้งานแอป นี่จึงเป็นปัจจัยที่จะต้องพิจารณาเมื่อคุณจะสร้างรูปแบบของการหารายได้และในเรื่องความสะดวกในการใช้งาน

  4. สร้างหน้าตาผู้ใช้งาน (user persona) : เมื่อคุณทราบถึงข้อมูลประชากรในกลุ่มเป้าหมายแล้ว คุณควรที่จะพิจารณาถึงเทรนด์พฤติกรรมปกติ สำหรับกลุ่มผู้ใช้งาน ตัวอย่างเช่น สถานที่ อายุและรายได้ ทั้งหมดนี้จะมีผลต่อการใช้เวลาบนเครื่องมือถือของผู้ใช้งานและก็ยังส่งผลต่อการใช้จ่ายเงินของพวกเขาอีกด้วย นี้สามารถบอกถึงกลุ่มเป้าหมายและทำให้คุณสามารถเข้าถึงกลุ่มนั้นๆได้โดยแยกจากนิสัยการใช้งาน แน่นอนว่าประเภทของผู้ใช้งานที่คุณอยากจะระบุเป้าหมายนั้นย่อมมีมากกว่าหนึ่ง ฉะนั้นวิธีการเข้าหาแบบ one-size-fits-all จะไม่ส่งผลดีแน่นอน ดังนั้น คุณจึงต้องพัฒนาบุคลิกของผู้ใช้งานเพื่อที่จะระบุ  ผู้ใช้งานในประเภทต่างๆ และวาดเส้นทางของอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้ใช้งานนั้นๆ เวลาที่คุณกำลังพัฒนาบุคลิกผู้ใช้งานอยู่นั้น คุณควรที่จะนำหลักจิตวิทยาและหลักประชากรศาสตร์เข้าไปใช้ด้วย เช่น:

    ลักษณะทางบุคลิกภาพ: แม้หลังจากที่จะทำการแบ่งแยกกลุ่มเป้าหมายโดยใช้ข้อมูลประชากรแล้ว แต่ผู้ใช้งานของคุณก็ยังมีความหลากหลายในมุมของบุคลิกส่วนตัวที่สามารถใช้ในการกำหนดเป้าหมายให้แม่นยำมากขึ้น

    คุณค่า: อะไรที่มีความสำคัญต่อ กลุ่มผู้ใช้ของคุณ เราสามารถใช้มันมาเป็นตัวเชื่อมโยงไปสู่ความได้เปรียบในแอปของคุณ ตัวอย่างเช่น แอปช้อปปิ้งอยากจะเน้นย้ำถึงประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนลดของพวกเขาให้แก่ผู้ใช้งานที่ต้องการสินค้าที่มีราคาถูกกว่าสินค้าหรู

    เทรนด์พฤติกรรม: เรื่องนี้จะรวมถึงการที่ผู้ใช้งานเป้าหมายของคุณใช้เวลามากน้อยแค่ไหนบนเครื่องมือถือของพวกเขา บรรดาแอปที่พวกเขาใช้และการใช้จ่ายโดยทั่วไปต่อแอปนั้นอยู่ที่เท่าไหร่ เทรนด์พฤติกรรมนั้นมีความสำคัญอย่างมากในการกำหนดค่ามาตรฐาน เพราะมันจะทำให้เรารู้ว่าแอปนั้นทำผลงานได้ดีขนาดไหนและตรงไหนที่ยังสามารถพัฒนาไปได้อีก

  5. เริ่มโฆษณาผลิตภัณฑ์ของคุณ: เมื่อคุณพิจารณาขั้นตอนต่างๆด้านบนแล้วคุณจะพร้อมที่จะเริ่มทำโฆษณาสินค้าของคุณและทดสอบว่าอะไรใช้การได้ดีสำหรับกลุ่มผู้ใช้งาน เวลาโฆษณาแอปมือถือของคุณ มันสำคัญที่จะปรับแต่งตามการวิเคราะห์ของคุณ — แม้ว่าผลลัพท์จะไม่เป็นอย่างที่หวัง — ดำเนินต่อไปด้วย data-driven marketing ใช้ข้อมูลเป็นตัวตัดสินใจ ขณะที่คุณกำลังทำแคมเปญ คุณมีโอกาสที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับลูกค้า ความต้องการและทำเข้าใจว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าของคุณให้มีมูลค่าที่ดีที่สุดอย่างไร

    คุณสามารถมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายและรวมรวบข้อคิดเห็นของผู้ใช้ สำหรับการได้ข้อมูลรายละเอียด เพื่อนำไปพัฒนาสินค้าและการตลาดของคุณ ตัวอย่างเช่นคุณสามารถมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย เพื่อเรียนรู้ว่าพวกเขาชอบหรือไม่ชอบอะไรเกี่ยวกับแอปคุณ คุณสามารถจัดทำแบบสอบถาม เพื่อให้ผู้ใช้สามารถแนะนำและบอกถึงปัญหาขณะที่ใช้แอปของคุณ

การกำหนดกลุ่มเป้าหมายสำหรับแอปมือถือ : 3 วิธีที่ดีที่สุด

  1. ใช้ tracking/analytics plaform เพื่อเรียนรู้มากขึ้นอยู่เสมอ: เมื่อใดที่คุณสามารถแบ่งกลุ่ม ของเป้าหมายของคุณ คุณสามารถรวบรวมข้อมูล และลงลึกให้มากขึ้นเพื่อวิเคราห์ โดยการ track performance คุณสามารถได้รับข้อมูลที่มีคุณค่าเช่น แคมเปญอะไรที่ใช้การได้ดีหรือใช้ไม่ได้ Mobile analytic แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนรวมของผู้ใช้งานบนแอปและรวมถึง session time, retention rate, churn, install และ ROAS มันจะช่วยให้คุณสามารถออปติไมซ์ตัวแปรเหล่านี้ได้และขยายขนาดของธุรกิจคุณ ช่วยให้คุณมั่นใจว่าคุณได้ใช้ data-driven approach สำหรับการตลาดของคุณที่ช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับผู้ใช้งาน

    ยิ่งไปกว่านั้น คุณสามารถใช้ mobile measurement partner สำหรับสร้าง lookalike audience ยกตัวอย่างเช่น Audience Builder ของ Adjust คือเครื่องมือสำหรับ retargeting ที่ช่วยให้คุณสร้าง ดาวโหลดและแบ่งปันกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มๆ คุณสามารถตั้งค่าเงื่อนไขของการ segment user และสร้างกลุ่มเพื่อแชร์กับพาร์ทเนอร์ของคุณสำหรับ retargeting และการทดสอบ A/B testing

  2. สำรวจความสามารถในการ targeting ของ ad network ของคุณ: Ad network จะมีขีดขอบเขตในการกำหนดเป้าหมายที่คุณสามารถใช้ประโยชน์สำหรับเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ เช่น Facebook จะแชร์โฆษณาแก่ผู้ใช้งานที่มีความเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ของคุณโดยอัตโนมัติ และคุณยังสามารถที่จะกำหนดชุดกรองให้กับการแสดงโฆษณาของคุณได้ด้วย Facebook ให้คุณกำหนดเป้าหมายผู้ใช้งานได้ โดยใช้สถานที่, พฤติกรรม, ข้อมูลประชากร, ความสนใจและความเชื่อมโยงกับกิจกรรมและเพจของ Facebook คุณมีตัวเลือกในการสร้าง audience ที่เป็นกลุ่มหลัก (โดยอิงจากเกณฑ์ต่างๆ เช่น อายุ, ความสนใจและภูมิศาสตร์), กลุ่ม audience ที่กำหนดเอง (ผู้ใช้งานที่มีปฏิสัมพันธ์กับบริษัทของคุณ) และ audience ที่ลักษณะคล้ายกัน (บรรดาหน้าใหม่ที่มีความสนใจใกล้เคียงหรือเหมือนกับลูกค้าชั้นยอดของคุณ)

  3. การทดสอบ A/B สำคัญต่อความสำเร็จ: เมื่อคุณได้ทำการค้นคว้าวิจัยเสร็จแล้ว พร้อมกับการวางแคมเปญโฆษณา การทดสอบ A/B นั้นถือทางที่ชาญฉลาดในการเสริมประสิทธิภาพแคมเปญของคุณ ซึ่งจะต้องทดสอบในหลายๆ เครือข่าย หลายๆ การสร้างสรรค์ และทดลองกับข้อมูลประชากรด้วย โดยวิธีการทำให้การทดสอบ A/B สมบูรณ์นั้นมีอยู่ 5 ขั้น

    1. ตั้งสมมุติฐาน: การวิจัยและวิเคราะห์ของคุณนั้นจะบอกถึงสมมุติฐานว่าที่คุณคาดการณ์ไว้นั้นจะเป็นอย่างไร เช่นเดียวกับผลลัพธ์ของการทดสอบ A/B
    2. แบ่งกลุ่ม audience: สร้างสองกลุ่ม audience แบบคู่ขนานที่จะแสดงพฤติกรรมของผู้ใช้งานที่เหมือนกัน เท่านี้คุณก็สามารถแสดงกลุ่ม audience แต่ละกลุ่มกับโฆษณาแบบต่างๆ ได้แล้ว
    3. วิเคราะห์: เมื่อแคมเปญของคุณกำลังทำงานอยู่ คุณสามารถที่จะทำการวิเคราะห์ผลลัพธ์ได้ว่าที่คุณตั้งสมมุติฐานไว้นั้นถูกหรือเปล่า
    4. เตรียมตัวกับความเปลี่ยนแปลง: จากสิ่งที่คุณค้นหา คุณสามารถเปลี่ยนแปลงโฆษณาและตัวเลือกในการกำหนดเป้าหมายได้
    5. ปรับสมมติฐานของคุณและทำกระบวนการนั้นซ้ำ: ด้วยข้อมูลใหม่คุณสามารถที่จะปรับสมมติฐานใหม่ได้และปรับมันอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

**คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการรทดสอบ A/B ได้ทั้งหมดด้วยคู่มือ ฉบับสมบูรณ์ของเรา ซึ่งรวมถึงรายละเอียดเพิ่มเติมของการทดสอบและวิธีการที่ดีที่สุดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เรายังมีทรัพยากรสำหรับ **วิธีใช้การระบุแหล่งที่มา (attribution) อย่างมีกลยุทธ์หลัง iOS 14.5

อยากรู้ข้อมูลเชิงลึกของแอปเป็นรายเดือนไหม เป็นสมาชิกจดหมายข่าวของเราได้

อ่านต่อ