บล๊อก iCloud Private Relay: iOS 15 ส่งผลอย่างไ...

iCloud Private Relay: iOS 15 ส่งผลอย่างไรต่อนักการตลาด

iCloud และ Private Relay จาก Apple เป็นหนึ่งในหัวข้อหลักที่จะประกาศในงาน Worldwide Developers Conference และเป็นหนึ่งในการอัปเดตครั้งใหญ่ของ iOS15 Private Relay ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่กำหนดแนวอุตสาหกรรมเหมือนกับ AppTracking Transparency (ATT) ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำหรับการยินยอมของผู้ใช้และการนำ SKAdNetwork กลับมาใช้ใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์ของ iOS 14 แต่ Private Relay เป็นก้าวต่อไปในภารกิจของ Apple ที่ต้องการจัดลำดับความสำคัญให้กับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อุปกรณ์ iOS ณ ปัจจุบัน Private Relay เปิดให้คนทั่วไปทดลองใช้ในเวอร์ชันเบต้าเฉพาะในบางพื้นที่ โดยคาดว่าจะเปิดให้ใช้เวอร์ชันสมบูรณ์เมื่อมีการอัปเดต iOS 15 ในอนาคต

iCloud Private Relay คืออะไร

Private Relay ออกแบบมาเพื่อป้องกันการติดตามผู้ใช้ iOS เมื่อใช้ Safari ที่อยู่ IP ของผู้ใช้จะถูกซ่อนเอาไว้โดยการเปลี่ยนเส้นทางการรับส่งข้อมูลเครือข่ายทั้งหมดผ่านเซิร์ฟเวอร์ แปลว่าไม่มีใครสามารถติดตามได้ รวมถึงไม่สามารถสร้างโปรไฟล์ผู้ใช้ตามพฤติกรรมและการท่องเว็บได้ด้วย ฟีเจอร์นี้จะมีไว้สำหรับผู้ใช้ที่สมัครใช้งาน iCloud+ ควบคู่ไปกับฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวระดับพรีเมียมที่เป็นตัวเสริม ซึ่งรวมถึง Hide My Email (ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้ซ่อนหรือปิดบังที่อยู่อีเมลของตนโดยใช้อีเมลที่สร้างขึ้นเมื่อกรอกแบบฟอร์มออนไลน์)

แม้ว่า Private Relay อาจฟังดูเหมือนเป็นเครือข่ายส่วนตัวแบบเสมือนหรือ VPN แต่รูปแบบการทำงานนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะ VPN จะซ่อนตำแหน่งของผู้ใช้ ในขณะที่ Private Relay จะบล็อกเว็บไซต์ไม่ให้ติดตามผู้ใช้ด้วยการซ่อนที่อยู่ IP

อีกจุดที่น่าสนใจสำหรับนักการตลาดบน iOS ก็คือ ผู้ที่ไม่ได้มีโอกาสทดลองใช้เวอร์ชันเบต้าหรือไม่ได้สมัครใช้งาน iCloud+ และ/หรืออาจเลือกใช้ ทาง Apple ก็ยังคงป้องกันการติดตามพิกเซลให้กับผู้ใช้ iOS ทุกรายภายในแอป Apple Mail ที่อยู่ IP ของผู้ใช้ iOS ภายในแอป Safari จะถูกซ่อนจากโปรแกรมติดตามของบุคคลที่สามเช่นกัน แปลว่าจะไม่มีใครสามารถใช้ที่อยู่ IP เป็นตัวระบุได้อีกต่อไปเมื่อผู้ใช้คลิกเนื้อหาในอีเมลแล้วเปิดต่อใน Safari

Private Relay ทำงานอย่างไร

เมื่อผู้ใช้ท่องอินเทอร์เน็ตโดยใช้แอปอย่าง Chrome หรือ Safari ผู้ใช้จะอยู่ในสถานะที่เรียกว่า "เปิด" ซึ่งก็คือไม่ปลอดภัยหรือไม่เป็นส่วนตัวนั่นเอง ผู้ใช้จะทิ้งร่องรอยพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตและเหตุการณ์ไว้เบื้องหลังในรูปแบบของข้อมูล ซึ่งโปรแกรมติดตามของบุคคลที่สามก็จะใช้ข้อมูลที่ว่านี้เพื่อสร้างตัวตนของผู้ใช้ Apple อ้างว่าการติดตามแบบนี้ไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ แต่ถ้าใช้ Private Relay จะไม่มีใครหรือแม้แต่ Apple เองที่สามารถดูหรือรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ได้ ที่อยู่ IP เป็นหนึ่งในชิ้นส่วนของข้อมูลที่สามารถรวบรวมได้ และ Private Relay จะเปลี่ยนที่อยู่จริงเป็นที่อยู่อื่นโดยสุ่มจากช่วงที่อยู่ IP ที่อยู่ IP แบบ "รีเลย์" ที่กำหนดขึ้นมานี้อาจถูกแชร์ระหว่างผู้ใช้ Private Relay มากกว่าหนึ่งรายภายในพื้นที่เดียวกัน หมายความว่าเมื่อเครือข่ายได้รับที่อยู่ IP เครือข่ายจะจับคู่ที่อยู่นั้นเข้ากับพื้นที่หรือเมืองโดยค่าเริ่มต้น แปลความว่าเครือข่ายสามารถรับข้อมูลตำแหน่งได้ และจะไม่มีการจำกัดตามภูมิศาสตร์ (เช่นเดียวกับ VPN และการบล็อก IP)

เมื่อใช้ระบบสองพร็อกซี แต่ละพร็อกซี (ซึ่งเป็นกลไกสำหรับการซ่อนสิ่งที่ผู้ใช้กำลังค้นหา) จะกำหนดเส้นทางและทำให้การรับส่งข้อมูลปลอดภัย ที่อยู่ IP ของผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงได้โดยผู้ให้บริการเครือข่ายและพร็อกซีแรกเท่านั้น ส่วนพร็อกซีที่สองจะเข้าถึงชื่อเว็บไซต์ที่ผู้ใช้ค้นหา โดยสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ได้ ทั้งสองพร็อกซีจะไม่สามารถสามารถมองเห็นที่อยู่ IP และ ชื่อการค้นหา แปลว่าไม่สามารถสร้างโปรไฟล์ผู้ใช้ได้

เรื่องนี้มีผลต่อผู้ลงโฆษณาและ Attribution อย่างไร

Apple มีความมุ่งมั่นและแน่วแน่เรื่อง ความเป็นส่วนตัวและการใช้ข้อมูล มาโดยตลอด ซึ่งเราถือว่าเป็นการติดตามอย่างหนึ่ง หลายคนมองว่า Private Relay เป็นการยกระดับการบังคับใช้การป้องกันวิธี Attribution ที่พูดถึงนี้ ซึ่งปกติแล้วจะไม่อนุญาตให้ใช้กับผู้ใช้ที่ไม่ต้องการใช้งานฟังก์ชันดังกล่าวนับตั้งแต่การเปิดตัว ATT ใน iOS 14.5 เมื่อเดือนเมษายน แต่การทดสอบ Private Relay อย่างต่อเนื่องใน iOS 15 beta ก็ทำให้พบคำถามสำคัญบางอย่าง เช่น อะไรที่ Apple ถือว่าเป็นโปรแกรมติดตามของบุคคลที่สาม จะมีการอนุญาตให้ใช้โปรแกรมติดตามของบุคคลที่หนึ่งหรือไม่ (สำหรับการตลาดผ่านสื่อที่มีเจ้าของ) และจะนำไปใช้โดยทั่วกันหรือไม่

แม้ว่าคำตอบโดยละเอียดและเฉพาะเจาะจงสำหรับคำถามเหล่านี้ยังคงต้องรอการทดสอบเพิ่มเติมต่อไป แต่จะมีการบังคับใช้ข้อจำกัดเกี่ยวกับความพร้อมใช้งานของที่อยู่ IP สำหรับผู้ลงโฆษณาและนักการตลาด การใช้ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และวิธีการที่ใช้ประโยชน์จากที่อยู่ IP และข้อมูลอุปกรณ์อื่นๆ ได้ถูกตัดออกไปแล้ว แม้ว่าจะไม่มีการบังคับใช้อย่างเข้มงวดก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว Private Relay คือสัญญาณที่บอกว่า Apple นั้นให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และการใช้ข้อมูลอย่างจริงจัง

Adjust ทำงานร่วมกับ Apple อย่างใกล้ชิดและทำตามข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อย่างเคร่งครัด คุณสามารถดูวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งาน SKAdNetwork ที่นี่ และติดตามข่าวสารล่าสุดจากเรา การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ และผู้นำด้านความคิดที่ศูนย์รวมข้อมูล iOS 14 ที่นี่

อยากรู้ข้อมูลเชิงลึกของแอปเป็นรายเดือนไหม เป็นสมาชิกจดหมายข่าวของเราได้