บล๊อก วิธีพัฒนากลยุทธ์การตลาดโดยใช้การแจ้งเตือ...

วิธีพัฒนากลยุทธ์การตลาดโดยใช้การแจ้งเตือนแบบพุชให้ประสบความสำเร็จ

ผู้ใช้มือถือถึง 42% เลือกที่จะเปิดใช้งานการแจ้งเตือนแบบพุช (Push Notification) บนอุปกรณ์เอาไว้ การแจ้งเตือนจึงเป็นส่วนสำคัญนึงในกลยุทธ์ของนักการตลาดแอปในคู่มือว่าด้วยการแจ้งเตือนแบบพุชของเรา เราจะสำรวจวิธีกระตุ้นการเติบโตและเพิ่มการมีส่วนร่วมในแอปได้สูงสุดถึง 88% ซึ่งจะได้ผลต่อเมื่อคุณรู้ว่าการแจ้งเตือนนี้มีประโยชน์ต่อผู้ใช้ของคุณอย่างไร ในคู่มือว่าด้วยการแจ้งเตือนแบบพุชนี้ เราจะพูดกันถึงวัตถุประสงค์ของการแจ้งเตือนแบบพุชและแนวทางปฏิบัติที่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การแจ้งเตือนแบบพุชคืออะไร

การแจ้งเตือนแบบพุชคือข้อความที่ส่งตรงไปยังอุปกรณ์ของผู้ใช้ โดยปรากฏบนหน้าจอและทำการแจ้งเตือนผู้ใช้งานอุปกรณ์มือถือเจ้าของแอปสามารถส่งการแจ้งเตือนแบบพุชได้หากผู้ใช้ติดตั้งแอปที่เกี่ยวข้องและเปิดใช้งานการแจ้งเตือนบนอุปกรณ์ของตน เทคนิคการตลาดนี้มีข้อดีตรงที่สามารถสื่อสารได้โดยไม่ต้องมีข้อมูลติดต่อสำหรับผู้ใช้รายนั้น อย่างไรก็ดี เจ้าของแอปต้องได้รับอนุญาตจากผู้ใช้งานเพื่อทำการส่งการแจ้งเตือนแบบพุช และปฏิบัติตามแนวทางที่เหมาะสมดังกล่าวไว้ในคู่มือว่าด้วยการแจ้งเตือนแบบพุชนี้เพื่อป้องกันความเสี่ยง

ระบบปฏิบัติการแต่ละระบบมีบริการแจ้งเตือนแบบพุชต่างกันไป การแจ้งเตือนแบบพุชยังมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆตอนนี้แอปอาจมีเสียงแจ้งเตือนพิเศษ ส่งเป็นข้อความสั้นๆ และแสดงตัวเลขบอกบนไอคอนของแอปได้ ผู้ใช้สามารถดำเนินการบางอย่างได้โดยไม่ต้องเปิดแอป การแจ้งเตือนประเภทนี้ดึงดูดให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมและกลับมาใช้งานแอปเพิ่มขึ้น เช่นในกรณีที่ติดตั้งแอปไว้แต่ไม่ได้ใช้งานมาระยะหนึ่งแล้ว ทั้งยังเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับเพิ่มอัตรา Conversion ภายในแอปและ LTV

การตลาดด้วยการแจ้งเตือนแบบพุช: เพิ่มการมีส่วนร่วมและการเติบโต

จากทอล์กของเขาที่การประชุมด้านการตลาดมือถือ Mobile Spree คุณ Andy Carvell ผู้ก่อตั้งและพาร์ทเนอร์ที่ Phiture ได้กล่าวถึงวิธีต่างๆ ที่นักพัฒนาแอปสามารถใช้การแจ้งเตือนแบบพุชเพิ่มการมีส่วนร่วมและการเติบโตได้ เมื่อปรับโฆษณาใหม่ให้เหมาะสมและสร้างผลลัพธ์ที่ดี Andy แนะนำให้เน้นการเข้าถึง "คุณจะมีโอกาสมากที่สุด หากคุณใช้การแจ้งเตือนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ เพื่อปรับปรุงและสร้างความเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ คุณสามารถทดลองโดยใช้ข้อความโฆษณา อีโมจิ และอื่นๆการเพิ่มการเข้าถึงจะทำได้ยากกว่าหากใช้การแจ้งเตือนที่เจาะเฉพาะผู้ใช้บางกลุ่มที่ใช้ฟีเจอร์บางอย่างเท่านั้น" ดูข้อมูลเจาะลึกจาก Andy ทั้งหมดได้ในวิดีโอด้านล่าง


YouTube กำหนดให้คุณต้อง ยอมรับคุกกี้เพื่อการตลาดจึงจะ สามารถดูวิดีโอนี้ได้.

การแจ้งเตือนแบบพุชกับข้อความในแอปต่างกันอย่างไร

สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่างการแจ้งเตือนแบบพุชและความสามารถในการส่งข้อความในแอปของคุณ ตามชื่อ ข้อความในแอปจะส่งถึงผู้ใช้ได้ก็ต่อเมื่อผู้ใช้เปิดแอปขึ้นมาเท่านั้น ต่างจากการแจ้งเตือนแบบพุชที่สามารถส่งไปยังอุปกรณ์ของผู้ใช้ได้เสมอ ตราบใดที่ยังคงติดตั้งแอปและผู้ใช้เลือกที่จะรับข้อความประเภทนี้

การปรับการแจ้งเตือนแบบพุชให้เหมาะสม: 11 แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด

1. หลีกเลี่ยงการขออนุญาตตามค่าเริ่มต้น

ไม่ว่าชิ้นงานโฆษณาของคุณจะสมบูรณ์แบบเพียงใด การแจ้งเตือนแบบพุชของคุณก็ไร้ค่าหากผู้ใช้ไม่อนุญาตให้คุณส่งข้อความแต่ผู้ใช้ถึง 65% กลับเข้าแอปภายใน 30 วันเมื่อเปิดใช้งานการแจ้งเตือนแบบพุช ดังนั้นการโน้มน้าวให้ผู้ใช้เปิดรับการแจ้งเตือนจึงเป็นสิ่งสำคัญ

แทนที่จะส่งคำขออนุญาตตามค่าเริ่มต้นไปยังผู้ใช้ใหม่ ให้สร้างความสัมพันธ์กับผู้ใช้ก่อนจะดีกว่า ผู้ใช้ต้องไว้วางใจในตัวผลิตภัณฑ์ของคุณและเข้าใจว่าคุณจะไม่ใช้ประโยชน์จากการเข้าถึงการแจ้งเตือนแบบพุช เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ใช้เลือกปิดการแจ้งเตือนแบบพุช คุณต้องขออนุญาตในจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่สุด โดยขึ้นอยู่กับแอปเวอร์ติคัล ตัวอย่างเช่น แอปอีคอมเมิร์ซควรขออนุญาตหลังผู้ใช้ทำการซื้อสินค้า ซึ่งจะเปิดโอกาสให้คุณแสดงให้ผู้ใช้เห็นได้ว่าทำไมการแจ้งเตือนแบบพุชจึงมีประโยชน์ ในกรณีนี้ ประโยชน์อาจเป็นการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการจัดส่งสินค้านั้นๆ

ข้อสำคัญที่ควรทราบไว้คือข้อความเลือกรับการแจ้งเตือนนั้นไม่สามารถปรับแต่งได้บน iOS แต่คุณสามารถสร้าง Splash Screen ของตัวเองได้ คุณควรใช้หน้าจอนี้เป็นโอกาสในการแสดงชิ้นงานโฆษณาที่น่าดึงดูดที่คุณมีและบอกเหตุผลที่ผู้ใช้ต้องเลือกรับการแจ้งเตือนแบบพุช มีเครื่องมือที่จะช่วยคุณในกระบวนการนี้ได้ เช่น Push Pre-Permissions ของ Leanplum

2. แสดงการแจ้งเตือนที่กระตุ้นให้ผู้ใช้ดำเนินการต่อได้

คุณจำเป็นต้องเข้าใจเหตุผลที่คุณส่งการแจ้งเตือนแบบพุชหากคุณไม่ทราบประโยชน์ที่การแจ้งเตือนแบบพุชนั้นมีต่อผู้ใช้ จะไม่เกิดผลดีต่อการมีส่วนร่วม อัตราการรักษาผู้ใช้ และประสบการณ์ของผู้ใช้ เมื่อส่งการแจ้งเตือนแบบพุช ตรวจสอบว่าการแจ้งเตือนบอกผู้ใช้ชัดเจนว่าผู้ใช้ต้องดำเนินการอะไรบ้าง CTA (การกระตุ้นให้ดำเนินการ) ของคุณต้องมีประสิทธิภาพในการให้คำแนะนำที่ดำเนินการตามได้นี้

เมื่อสร้าง CTA จำไว้ว่าคุณกำลังสร้างคำเชิญให้ดำเนินการบางอย่างหรือเป็นการแจ้งอัปเดตเกี่ยวกับบางสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการติดตาม หากคุณมีแอปท่องเที่ยว การแจ้งเตือนเหล่านี้จะมีข้อความกระตุ้นให้กรอกตั๋วโดยสารหรือแจ้งผู้ใช้ว่าเที่ยวบินล่าช้า จากตัวอย่างที่ว่ามา จะเห็นชัดเจนว่าการแจ้งเตือนมีประโยชน์ต่อผู้ใช้และผู้ใช้ควรตอบสนองต่อการแจ้งเตือนนั้นอย่างไร

3. ปรับแต่งการแจ้งเตือนแบบพุชให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

การเข้าใจประโยชน์ของการแจ้งเตือนแบบพุชของคุณนั้นยังไม่พอ คุณต้องทราบด้วยว่าลูกค้าแต่ละคนจะรับประโยชน์นั้นได้อย่างไร การปรับแต่งการแจ้งเตือนแบบพุชจะช่วยรับประกันว่าคุณกำลังเจาะกลุ่มลูกค้าที่ถูกต้อง ให้เวลาที่เหมาะสม ด้วยชิ้นงานโฆษณาที่ดีที่สุด

ประเภทการปรับแต่งการแจ้งเตือนแบบพุชให้เค้ากับกลุ่มลูกค้า ได้แก่ ชิ้นงานโฆษณา ความถี่ เวลาแสดง สถานที่ และประเภทเนื้อหา ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องแบ่งผู้ใช้เป้าหมายออกเป็นกลุ่มๆ นอกจากนี้ คุณยังควรเรียกผู้ใช้ด้วยชื่อทุกครั้งที่มีโอกาสและใส่รายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ CTA ของคุณ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถระบุหมายเลขเที่ยวบินและเวลาหากจะแจ้งเที่ยวบินล่าช้า หรือระบุหมายเลขคำสั่งซื้อเมื่ออัปเดตผู้ใช้เกี่ยวกับการจัดส่งที่จะมาถึง

คุณยังต้องปรับแต่งการแจ้งเตือนแบบพุชตามวงจรชีวิตของผู้ใช้ นี่หมายถึงการระบุเวลาที่ผู้ใช้มักต้องการการแจ้งเตือนแบบพุชเพื่อทำการดำเนินการตามที่คุณต้องการ หากเป้าหมายหลักของคุณคือการทำให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมนานขึ้นและเพิ่ม LTV คุณจำเป็นต้องปรับแต่งการแจ้งเตือนแบบพุชและดึงดูดผู้ใช้ให้ได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสมในวงจรชีวิตของผู้ใช้

4. ทดสอบ CTA และข้อความบอกประโยชน์

CTA แจ้งให้ผู้ใช้ทราบวิธีดำเนินการบางอย่าง ส่วนข้อความบอกประโยชน์นั้นออกแบบมาเพื่อแสดงให้ผู้ใช้เห็นว่าตนจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น CTA ของคุณอาจเป็น "เช็คอินเลย" สำหรับแอปท่องเที่ยว หรือ "เพิ่มในรายการรับชม" สำหรับแอปเพื่อความบันเทิง ในขณะที่ข้อความบอกประโยชน์อาจเป็น "แต่งสวยรับซัมเมอร์ด้วยส่วนลด 20% สำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งหมด" คุณต้องทดสอบว่าชิ้นงานโฆษณาประเภทใดได้ผลดีที่สุดสำหรับกลุ่มเป้าหมายของคุณและกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ของการแจ้งเตือนแบบพุช เช่น ข้อความบอกประโยชน์จะช่วยอะไรไม่ได้เลยเมื่อต้องการแจ้งเตือนผู้ใช้เรื่องเที่ยวบินล่าช้า

5. อย่าแสดงการแจ้งเตือนแบบพุชบ่อยจนเกินควร

ระหว่างทอล์กของ Andy Carvell ที่ Mobile Spree เขาได้เตือนบรรดานักการตลาดว่าไม่ควรแสดงการแจ้งเตือนแบบพุชบ่อย "คุณต้องบอกข้อมูลที่มีประโยชน์เมื่อใช้การแจ้งเตือนแบบพุช เพราะเหมือนกับการเดินตรงไปหาคนคนหนึ่งแล้วสะกิดไหล่เขา ถ้าคุณจะทำอย่างนั้น คุณต้องมีเรื่องสำคัญ น่าสนใจ และเกี่ยวข้องกับเขา ไม่อย่างนั้นเขาจะรำคาญ ในกรณีของการแจ้งเตือนแบบพุช อาจเป็นการปิดการแจ้งเตือนแบบพุชหรือถอนการติดตั้งแอป"

6. ใช้ข้อเสนอแบบจำกัดเวลา

คุณสามารถกระตุ้นให้ผู้ใช้ทำตาม CTA โดยให้ข้อเสนอแบบจำกัดเวลา ข้อเสนอประเภทนี้เห็นชัดว่ามีประโยชน์ต่อผู้ใช้และมีเหตุผลที่คุณส่งการแจ้งเตือนแบบพุช คือให้โอกาสผู้ใช้ได้รับสิทธิ์พิเศษก่อนที่จะสายเกินไป ในการใช้ประโยชน์จากข้อเสนอแบบจำกัดเวลา คุณจะต้องกำหนดสิ่งที่คุณจะเสนอซึ่งน่าสนใจสำหรับผู้ใช้และทดสอบชิ้นงานโฆษณาที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแก่คุณ ตัวอย่างเช่น เกมมือถืออาจเสนอเงินในเกมในช่วงเวลาจำกัดเพื่อดึงดูดให้ผู้ใช้มีส่วนร่วม

7. การแจ้งเตือนแบบพุชตามสถานที่

คุณสามารถใช้ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของผู้ใช้ในการกระตุ้นให้มีการส่งการแจ้งเตือนแบบพุชและเพิ่ม Conversion ได้ ตัวอย่างเช่น การแจ้งเตือนนี้สามารถใช้นำทางผู้ใช้ไปยังร้านค้าที่อยู่ใกล้เคียง แม้ว่าวิธีการทางการตลาดนี้จะมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีอุปสรรคที่ควรระวังเช่นกัน โดยคุณจำเป็นต้องปรับแต่งข้อความด้วย Deep Link และปรับข้อเสนอของคุณตามเงื่อนไขในพื้นที่

8. แจ้งผู้ใช้เกี่ยวกับการอัปเดตของแอป

คุณสามารถใช้การแจ้งเตือนแบบพุชเพื่อเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับการอัปเดตของแอปด้วยเช่นกัน กลยุทธ์นี้มีประโยชน์สำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้เปิดใช้งานการอัปเดตอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้ใช้กลุ่มนี้ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดจากแอปของคุณ เมื่อแจ้งเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับการอัปเดตล่าสุด อย่าลืมให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อดีและการปรับปรุงที่ผู้ใช้จะพลาดหากไม่ได้อัปเดต

9. ใช้การแจ้งเตือนเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ทำตามเป้าหมายของตน

แอปเพื่อสุขภาวะและการออกกำลังกายสามารถใช้การแจ้งเตือนแบบพุชเพื่อเตือนความจำให้ผู้ใช้ทำตามเป้าหมายของตน ในกรณีนี้อาจเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย โดยผู้ใช้สามารถกำหนดตารางเวลาได้โดยไม่ต้องตั้งการเตือนให้ดำเนินการต่างๆ เอง ส่วนคุณก็ได้เพิ่มการรักษาผู้ใช้และการใช้งานแอป การแจ้งเตือนแบบพุชประเภทนี้ยังมีประโยชน์สำหรับแอป Fintech ที่ต้องการช่วยเหลือผู้ใช้ในการจัดการธุรกิจ

10. ใช้คำที่ทรงพลังในชิ้นงานโฆษณาของคุณ

ชิ้นงานโฆษณาในการแจ้งเตือนซึ่งแสดงบนหน้าจอล็อกของผู้ใช้นั้นต้องชัดเจนและกระชับ คุณอาจรู้สึกอยู่ในกรอบ แต่ก็ยังสามารถปรับปรุงโฆษณาด้วยรูปภาพและ Rich Media อื่นๆ นอกจากนี้ คุณยังควรค้นหาและใส่คำที่มีพลังลงในชิ้นงานโฆษณา โดยอาจเริ่มจากรายการ 250 คำและวลีโดย CleverTap ซึ่งพิสูจน์มาแล้วว่าช่วยให้เกิด Conversion ได้

11. วัดผลลัพธ์ที่ได้

เช่นเดียวกับด้านอื่น ๆ ของกลยุทธ์การตลาดอื่นๆ แคมเปญการแจ้งเตือนแบบพุชของคุณควรได้รับการวัดผลและปรับให้เหมาะสมเมื่อเวลาผ่านไป คุณสามารถกำหนด KPI ที่เชื่อมโยงกลับไปยังเป้าหมายของบริษัทได้ เช่น LTV, การมีส่วนร่วม และ ROAS จากนั้นจึงวิเคราะห์การวัดผลแคมเปญของคุณเพื่อค้นหาวิธีปรับกลยุทธ์การแจ้งเตือนแบบพุชบนมือถือของคุณให้เหมาะสมยิ่งขึ้น นอกจากนี้ คุณยังสามารถขอความคิดเห็นจากผู้ใช้เพื่อดูว่าผลตอบรับเกี่ยวกับการแจ้งเตือนของคุณเป็นอย่างไร

นักการตลาดแอปสามารถติดตามการแจ้งเตือนแบบพุชด้วย Adjust โดยผสานรวม SDK ของเราลงในระบบและสร้าง URL ตัวติดตามที่ไม่ซ้ำกัน วิธีนี้ทำให้คุณสามารถติดตามและตรวจสอบตัวชี้วัดของแคมเปญการแจ้งเตือนแบบพุชของคุณได้บนแดชบอร์ดเดียว

การแจ้งเตือนแบบพุชยังคงเป็นวิธีทำการตลาดที่ประสบความสำเร็จ โดยเพิ่มอัตราการรักษาลูกค้าได้ 3-10 เท่า ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับให้เหมาะสมกับอัตรา Conversion อย่าง Invespcro มองว่า การแจ้งเตือนแบบพุชที่ใช้ข้อมูลผู้ใช้เป็นตัวกระตุ้นอาจส่งผลให้มีการซื้อในแอปถึง 48% จากกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด เมื่อใช้แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในคู่มือว่าด้วยการแจ้งเตือนแบบพุชนี้และการทดสอบสิ่งที่ได้ผลสำหรับผู้ชมของคุณจนได้ผลสำเร็จ การแจ้งเตือนแบบพุชสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการบรรลุเป้าหมายของคุณได้ ไม่ว่าจะดูทำได้ยากขนาดไหน วิธีทำการตลาดนี้จะซับซ้อนมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งหมายถึงโอกาสที่เปิดกว้างขึ้นในการปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะสมและหลากหลายขึ้นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

อยากรู้ข้อมูลเชิงลึกของแอปเป็นรายเดือนไหม เป็นสมาชิกจดหมายข่าวของเราได้