บล๊อก iOS 14.5 + คู่มือเบื้องต้น

iOS 14.5 + คู่มือเบื้องต้น

บทนำ

ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลกลายเป็นประเด็นร้อนทั่วทั้งอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และในเดือนมิถุนายน ปี 2020 บริษัท Apple ได้สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่งวงการการตลาดบนมือถือด้วยการประกาศข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานฉบับใหม่ที่จะเริ่มต้นใช้งานกับ iOS 14 หลังจากความล่าช้าในการให้เวลานักพัฒนาแอปปรับตัว การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์กับการเปิดตัว iOS 14.5 ในเดือนเมษายนปี 2021

ในขณะที่ Apple ได้เพิ่มคุณสมบัติอื่นๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานมีข้อมูลเชิงลึกและสามารถควบคุมข้อมูลที่รวบรวมบนอุปกรณ์ iOS ของตนได้มากยิ่งขึ้น การนำการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มาใช้งาน เช่น AppTransparencyFramework ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการเข้าถึงและแชร์ข้อมูลของผู้ใช้อุปกรณ์มือถือ สำหรับนักการตลาดบนมือถือทั้งเก่าและใหม่ มีรายละเอียดอันมากมายทำให้การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย

ในคู่มือนี้ เราจะมอบบทสรุป "คืนสู่สามัญ" ของแนวคิดหลักที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานตั้งแต่ iOS 14.5 ขึ้นไป รวมถึงการทำความเข้าใจตัวระบุดีไวส์, IDFA และเฟรมเวิร์ค AppTrackingTransparency (ATT) นอกจากนี้เรายังจะพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดการใช้งาน SKAdNetwork และโซลูชั่นการระบุแหล่งที่มาของ Apple ตลอดจนตัวเลือกการระบุแหล่งที่มาที่เป็นไปตามข้อกำหนดของ Apple เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัว ที่ Adjust เราได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Apple, พาร์ทเนอร์ และลูกค้าของเราเพื่อมอบความรู้และจัดหาโซลูชั่นที่ตรงตามความต้องการของนักพัฒนา ผู้ลงโฆษณา และนักการตลาดในขณะที่ปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

บทที่ 1: ตัวระบุอุปกรณ์

ID ของอุปกรณ์คืออะไร

ตัวระบุดีไวส์คือสตริงตัวเลขและตัวอักษรที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งสามารถใช้ในการระบุสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตแต่ละเครื่อง ตัวระบุดีไวส์อาจเป็น ID ของดีไวส์แบบฮาร์ดโค้ดซึ่งผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนหรือรีเซ็ตได้ยาก หรืออาจเป็น ID ของการโฆษณาซึ่งสามารถรีเซ็ตได้ง่ายและมีไว้เพื่อการใช้งานทางการตลาด

ในบริบทของ การตลาดบนมือถือ ID ของดีไวส์ โดยทั่วไปแล้วจะหมายถึงตัวเลือกที่สอง ID ของการโฆษณาจะช่วยให้นักการตลาดสามารถระบุและติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้งานจากอุปกรณ์โดยไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลระบุตัวตนเกี่ยวกับผู้ใช้งาน นักการตลาดสามารถติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้งานแต่ละรายได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้นโดยการใช้ ID ของดีไวส์ ทำให้สามารถระบุแหล่งที่มาได้อย่างแม่นยำ วางตำแหน่งของผู้ใช้งานในกลุ่มข้อมูลตามตัวระบุ (Identifiers) กำหนดเป้าหมายของผู้เห็นโฆษณาและมีการออฟติไมต์ที่ดีขึ้น รวมถึงเรียนรู้ว่าผู้ใช้งานทำอะไรหลังการติดตั้งแอป

ID ของดีไวส์มีอยู่ด้วยกันสองประเภทหลักซึ่งขึ้นอยู่กับบริการด้านการปฏิบัติการ ในแอนดรอยด์ ID ของดีไวส์จะเรียกว่า GPS ADID (หรือ ID ของบริการ Google Play สำหรับแอนดรอยด์) ใน iOS จะเรียกว่า ตัวตนสำหรับผู้ลงโฆษณา (IDFA)

IDFA คืออะไร

ตัวระบุตัวตนสำหรับผู้ลงโฆษณา (IDFA) คือตัวระบุดีไวส์แบบสุ่มที่ Apple กำหนดให้กับอุปกรณ์ของผู้ใช้งาน นักการตลาดจะใช้สิ่งนี้ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับคุกกี้ที่อยู่ในเบราว์เซอร์ของบุคคลที่สามในการติดตามการโต้ตอบระหว่างผู้ใช้งานกับโฆษณาและแอปบนอุปกรณ์มือถือ เช่น การคลิก การดาวน์โหลด และการซื้อ เมื่อใช้ IDFA ผู้ลงโฆษณาสามารถยิงโฆษณาที่ตรงตามเป้าหมายไปยังผู้ใช้งานได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

IDFA เป็นวิธีที่แม่นยำที่สุดในการติดตามผู้ใช้งาน iOS และดำเนินการระบุแหล่งที่มา ผู้ลงโฆษณาสามารถระบุได้ว่าเมื่อใดที่ผู้ใช้งานโต้ตอบกับแคมเปญโฆษณาบนมือถือ ผู้ใช้งานคลิกที่โฆษณาหรือไม่ และอีเว้นต์ในแอปใดที่ผู้ใช้งานเรียกใช้ เมื่อกำหนด IDFA เดียวนั้นให้กับตัวอุปกรณ์

IDFV คืออะไร

ตัวระบุสำหรับเวนเดอร์ (IDFV) เป็นตัวระบุที่ Apple กำหนดให้กับแอปทั้งหมดที่มาจากนักพัฒนารายเดียวและแชร์บนอุปกรณ์ไปยังทุกแอปที่มาจากนักพัฒนารายนั้น ค่าของ IDFV นั้นจะเหมือนกันสำหรับแอปทั้งหมดที่มาจากนักพัฒนาคนเดียวกันที่อยู่บนอุปกรณ์เดียวกัน ค่าที่ต่างกันจะได้รับการส่งกลับมาจากแอปในอุปกรณ์เดียวกันที่มาจากนักพัฒนาที่แตกต่างกัน และจากแอปในอุปกรณ์ที่ต่างกันไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนาคนเดียวกันหรือไม่

แม้ว่า IDFA จะได้รับการกำหนดไปที่ระดับอุปกรณ์และเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานสามารถรีเซ็ตได้ แต่ IDFV จะได้รับการกำหนดไปยังแอปทั้งหมดโดยเวนเดอร์เดียวและจะสิ้นสุดการใช้งานเมื่อยกเลิกการติดตั้งแอปทั้งหมดจากเวนเดอร์ดังกล่าว หากผู้ใช้งานลบแอปทั้งหมดของเวนเดอร์รายนั้นออกจากอุปกรณ์แล้วกลับไปติดตั้งแอปใหม่อย่างน้อยหนึ่งแอป ค่าของ IDFV จะเปลี่ยนไป โดยทั่วไปแล้ว IDFV จะได้รับการกำหนดจากข้อมูลที่ App Store ให้ไว้เกี่ยวกับนักพัฒนา หากไม่ได้ติดตั้งแอปจาก App Store (เช่น แอปพลิเคชั่นระดับองค์กรและแอปที่กำลังพัฒนา) ID ของผู้ให้บริการจะได้รับการคำนวณตาม Bundle ID ของแอป

IDFV มีความสำคัญเนื่องจากเป็นช่องทางในการรันแคมเปญ การโปรโมตข้ามแอปบน iOS ซึ่งรวมถึงผู้ใช้งานที่ไม่ได้ให้ความยินยอมในการแชร์ IDFA ของตน ตราบใดที่มีการส่ง IDFV ใน URL ของตัวติดตาม IDFV นี้จะสามารถให้ข้อมูลการระบุแหล่งที่มาที่ถูกต้องสำหรับแคมเปญ iOS ต่อนักการตลาดได้

บทที่ 2: เฟรมเวิร์ค App Tracking Transparency

AppTrackingTransparency (ATT) คืออะไร

เริ่มต้นที่ iOS 14.5 ผู้ใช้งาน ที่ยินยอมให้มีการติดตามโฆษณาจะได้รับการจัดการผ่านระบบ AppTrackingTransparency (ATT) ATT คือเฟรมเวิร์คของ Apple ที่ให้ผู้ใช้งานควบคุมเวลาและวิธีการที่ข้อมูลของพวกเขาจะได้รับการแชร์ให้กับบุคคลที่สาม เช่น เครือข่ายโฆษณา และพาร์ทเนอร์ด้านการวิเคราะห์และการวัดผล เป้าหมายหลักของ ATT คือเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้งานจะมีความเข้าใจอย่างชัดเจนว่าข้อมูลใดที่แชร์จากอุปกรณ์ของตนและจำกัดการแชร์นั้น เว้นแต่ผู้ใช้งานจะให้ความยินยอม

ตาม แนวทางของ Apple แอป iOS ใดๆ ที่รวบรวมข้อมูลผู้ใช้งานปลายทางและแชร์ข้อมูลนั้นกับบุคคลที่สามต้องใช้เฟรมเวิร์ค ATT นักพัฒนาแอปและพาร์ทเนอร์ต้องได้รับความยินยอมอย่างชัดเจนจากผู้ใช้งานผ่านข้อความพร้อมท์ของระบบ iOS เพื่อให้สามารถเข้าถึง IDFA ของอุปกรณ์ สามารถให้ความยินยอมนี้ผ่านการเลือก opt-in ในแต่ละแอปเท่านั้น ATT จะไม่อนุญาตให้เข้าถึงและติดตาม IDFA และข้อมูลในระดับผู้ใช้หากไม่มีการเลือก opt-in

พร้อมท์ของ ATT

แอปสามารถทริกเกอร์ข้อความพร้อมท์ในรูปแบบป๊อปอัปแบบครั้งเดียวไปยังผู้ใช้งานเพื่อขอสิทธิ์เข้าถึง IDFA จากผู้ใช้งาน ข้อความพร้อมท์คือการแจ้งเตือนจากระบบของ Apple ที่ผู้ใช้งานจะเห็นเมื่อเข้าไปในแอปและควบคุมการเข้าถึง IDFA แอปจะควบคุมว่าจะแสดงข้อความพร้อมท์หรือไม่ เมื่อใด และให้กับใคร แต่ IDFA ของพวกเขาจะไม่สามารถใช้งานได้จนกว่าผู้ใช้งานจะเลือก opt-in เพื่อรับข้อความพร้อมท์นี้

การแจ้งเตือนประกอบไปด้วยส่วนหัว (ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้) และส่วนหัวข้อย่อย (ซึ่งแก้ไขได้) และจะมีสองตัวเลือกสำหรับผู้ใช้งาน ส่วนหัวจะเขียนโดย Apple และระบุว่า "ยินยอมให้ 'ชื่อแอปที่นี่' ติดตามกิจกรรมของคุณในแอปและเว็บไซต์ของบริษัทอื่นๆ หรือไม่" ถัดมายังด้านล่างจะเป็นส่วนหัวข้อย่อยที่จะเป็นพื้นที่ให้นักพัฒนาแอปสามารถระบุเหตุผลสำหรับคำขอ เช่น "ข้อมูลของคุณจะได้รับการนำมาใช้เพื่อมอบโฆษณาที่ดีขึ้นและตรงตามความต้องการของคุณ"

ผู้ใช้งานมีสองตัวเลือกให้เลือก:

  • ยินยอมให้ติดตาม หากผู้ใช้งานเลือกตัวเลือกนี้ ผู้เผยแพร่แอปและพาร์ทเนอร์จะสามารถอ่าน IDFA ของอุปกรณ์ได้

  • ขอไม่ให้แอปติดตาม หากผู้ใช้งานเลือกตัวเลือกนี้ ผู้เผยแพร่แอปและพาร์ทเนอร์จะไม่สามารถอ่าน IDFA ของอุปกรณ์ได้ ระบบจะไม่แสดงพร้อมท์ให้ผู้ใช้งานเห็นในแอปนี้อีก เว้นแต่จะถอนการติดตั้งและติดตั้งใหม่

    รูปภาพ

    แม้ว่าผู้ใช้งานจะเลือก "ขอให้แอปไม่ติดตาม" พวกเขาก็สามารถเข้าไปที่การตั้งค่าสำหรับแอปและเลือกแชร์ IDFA ได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถเลือกปิดพร้อมท์นี้ได้เมื่อเลือกตัวเลือกนี้ในการตั้งค่าของอุปกรณ์ ทุกครั้งที่แอปขออนุญาต ป๊อปอัปจะไม่ปรากฏขึ้นและ IDFA จะได้รับการส่งกลับไปยังผู้เผยแพร่โดยที่มีสตริงเป็นศูนย์

    แม้ว่าแบบฟอร์มขอรับความยินยอมจะไม่ปรากฏขึ้นก็ตาม นักพัฒนายังคงสามารถเชื่อมโยงผู้ใช้งานเข้ากับการตั้งค่าแอปได้ไม่ว่าจะมีการตั้งค่าแบบใด พวกเขาสามารถทำเช่นนี้เมื่อใดก็ได้ และเปิดใช้งานการติดตามสำหรับแอป แม้ว่าการตั้งค่าข้างต้นจะปิดอยู่ ด้วยกลไกนี้ หากผู้ใช้งานตกลง เขาจะถูกส่งไปยังหน้าการตั้งค่าระดับแอปและสามารถให้ความยินยอมติดตามที่นั่นได้เลย

    สถานะ ATT

    ATT มีสถานะการยินยอมของผู้ใช้งานสี่สถานะ ซึ่งจะกำหนดการเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแอปที่สามารถใช้ในการติดตามอุปกรณ์ได้:

    • 0 - ยังไม่กำหนด ค่านี้หมายความว่าผู้ใช้งานยังไม่ได้รับข้อความพร้อมท์ของ ATT เพื่อขอเข้าถึง IDFA
    • 1 - จำกัด ค่านี้จะส่งกลับมาหากการอนุญาตให้เข้าถึง IDFA ได้รับการจำกัด
    • 2 - ได้รับการปฏิเสธ ผู้ใช้งานปฏิเสธการเข้าถึง IDFA ซึ่งรวมถึงการปิด "ยินยอมให้แอปขอติดตาม" ในการตั้งค่าของอุปกรณ์ที่ระดับทั่วโลก
    • 3 - ได้รับอนุญาต ผู้ใช้งานอนุญาตให้เข้าถึง IDFA

    ผู้ใช้งานเลือก opt-in

    หนึ่งในวิธีที่สำคัญที่สุดสำหรับนักการตลาดที่จะประสบความสำเร็จหลังจาก iOS 14.5+ คือการเพิ่มอัตราการ opt-in ของผู้ใช้งานให้มากที่สุด เพราะท้ายที่สุดแล้ว ยิ่งอัตราการยินยอมสูงเท่าใด คุณก็จะยิ่งได้เปรียบในการเข้าใกล้ความสามารถของ iOS 14 มากขึ้นเท่านั้น

    สามารถทริกเกอร์ป๊อปอัปขอรับการยินยอมติดตาม ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้นการเพิ่มจำนวนผู้ opt-in ให้ได้มากที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญ ประสบการณ์การใช้งานที่ดีและทริกเกอร์ป๊อปอัปเมื่อผู้ใช้งานมีแนวโน้มที่จะให้ความยินยอมติดตามมีความสำคัญกับประสบการณ์จากแอปเพื่อแลกกับข้อมูลของพวกเขา

    • อย่าทริกเกอร์ป๊อปอัปโดยทันที แม้ว่าการได้รับ IDFA โดยเร็วที่สุดเพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์จะเป็นเรื่องที่ดี แต่ Adjust ก็สามารถกรอกข้อมูลของอุปกรณ์ที่มี IDFA ได้ภายหลังเมื่อถึงเวลาที่สามารถดึงข้อมูลได้ สิ่งที่สำคัญกว่าคือการขอความยินยอมในเวลาที่ผู้ใช้งานมีแนวโน้มที่จะตอบตกลง

    • แสดงถึงคุณค่า ก่อนที่จะขอให้ผู้ใช้งานมอบข้อมูลบางอย่างแก่คุณ (ซึ่งพวกเขามักจะปฏิเสธ) ให้มอบประสบการณ์ที่ดีและแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของแอปก่อน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานเต็มใจที่จะแบ่งปันข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนกับสิ่งนั้นมากขึ้น

    • ใช้พร้อมท์แบบ Pre-Permission เพื่อขอความยินยอมก่อนที่จะทริกเกอร์ป๊อปอัปของ iOS พร้อมท์นี้สามารถออกแบบ ปรับแต่ง และใช้ถ้อยคำที่เหมาะสมกับแอปของคุณมากที่สุด หากต้องการเรียนรู้วิธีพัฒนากลยุทธ์ของ UX ที่แข็งแกร่งและข้อความพร้อมท์แบบ Pre-Permission ที่โน้มน้าวใจ โปรดอ่านบล๊อกโพสต์ของเราที่ การได้รับ opt-in

    • พิจารณาความสัมพันธ์ที่ผู้ใช้งานมีกับแอป และประสบการณ์ที่ผ่านมากับแอปเมื่อสร้างข้อความเพื่อขอติดตามอุปกรณ์ ขอบคุณผู้ใช้งาน และหากเป็นไปได้ให้รับทราบวิธีการที่พวกเขาใช้งานแอปมาก่อนหน้า

    • แสดงคุณค่าในอนาคตที่ผู้ใช้งานจะได้รับหากพวกเขายินยอมให้ติดตาม คุณต้องการแสดงโฆษณาที่ตรงเป้าหมายหรือขายบริการที่เกี่ยวข้องให้กับผู้ใช้หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น ให้พิสูจน์ว่าสิ่งนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานอย่างไร

      Img

      นับตั้งแต่ Apple ประกาศเฟรมเวิร์ค AppTrackingTransparency ครั้งแรกในปี 2020 Adjust ได้ทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อเตรียมการและเรียนรู้เกี่ยวกับขั้นตอนมากมายที่ต้องทำเพื่อปรับปรุงอัตราการ opt-in และขั้นตอนที่ควรหลีกเลี่ยง หากต้องการเรียนรู้สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในการใช้การออกแบบเพื่อปรับปรุงอัตราการ opt-in โปรดอ่านบล๊อกโพสต์ของเรา ที่ได้บันทึกการเรียนรู้ที่สำคัญในหัวข้อนี้เอาไว้

บทที่ 3: SKAdNetwork

SKAdNetwork คืออะไร

นอกเหนือจาก ATT แล้ว สิ่งสำคัญประการที่สองที่จะเกิดกับ iOS 14.5+ คือการทำงานร่วมกับ SKAdNetwork SKAdNetwork คือโซลูชั่นของ Apple ในการจัดเตรียมการระบุแหล่งที่มาสำหรับการติดตั้งแอปและการติดตั้งแอปใหม่อีกครั้งโดยไม่ต้องแชร์ข้อมูลระดับผู้ใช้ใดๆ กับนักพัฒนาแอป

แม้ว่าจะมีคำว่า "เครือข่าย" อยู่ในชื่อ แต่ที่จริงแล้วสิ่งนี้เป็นบริการจาก Apple ที่ประกอบไปด้วยฟังก์ชัน SDK และ API call ที่ใช้งานร่วมกัน SKAdNetwork ให้บริการฟรีสำหรับผู้ลงโฆษณาบนแอป และข้อมูลที่ได้รับจาก SKAdNetwork สามารถส่งต่อระหว่างอุปกรณ์, Apple, เครือข่ายโฆษณา และไปยังผู้ลงโฆษณาและพาร์ทเนอร์ของพวกเขา เช่น Adjust โดยใช้ Callback การระบุแหล่งที่มาได้รับการดำเนินการเป็นครั้งแรกโดย App Store โดยได้รับการตรวจสอบโดยเซิร์ฟเวอร์ของ Apple และได้รับการล้างข้อมูลในระดับผู้ใช้งานก่อนที่จะได้รับการส่งไปยังเครือข่ายโฆษณาหรือนักพัฒนา ในการใช้ SKAdNetwork เครือข่ายโฆษณาต้องลงทะเบียนกับ Apple และนักพัฒนาต้องทำงานเพื่อให้แน่ใจว่าแอปของตนจะใช้งานสอดคล้องกันกับเครือข่ายที่ลงทะเบียนและเฟรมเวิร์คได้ Adjust รองรับ การผสานรวมพาร์ทเนอร์ของ SKAdNetwork ชั้นนำของอุตสาหกรรม

วัตถุประสงค์ของ SKAdNetwork คือการให้ข้อมูลการระบุแหล่งที่มาแบบรวมขั้นพื้นฐาน โดยที่ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวของอุปกรณ์ในระดับสูง SKAdNetwork ไม่ได้ให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ข้อมูลในระดับผู้ใช้งาน การประทับเวลาในการติดตั้งหรืออีเว้นต์ จำนวนอีเว้นต์ที่จำกัด และเฉพาะกรณีแรกของอีเว้นต์หลังการติดตั้ง ขณะนี้ SKAdNetwork ไม่รองรับ Deep Link (แบบยึดหรือแบบมีเงื่อนไข), การระบุแหล่งที่มาแบบดูผ่าน และไม่พิจารณาว่าสิ่งที่อยู่นอกจากการดาวน์โหลดเป็นการระบุแหล่งที่มา

SKAdNetwork จะจำกัดจำนวนแคมเปญที่แตกต่างกันไว้เพียง 100 แคมเปญต่อเครือข่าย นี่อาจเป็นปัจจัยที่สร้างความจำกัดต่อผู้ลงโฆษณา เนื่องจากมักจะมีแคมเปญย่อยนับไม่ถ้วนในแต่ละพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ประเภทของอุปกรณ์ หรือชิ้นงานโฆษณาที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น การใช้ชิ้นงานโฆษณาสิบรายการในห้าประเทศจะอนุญาตให้มีแคมเปญต่างกันเพียงสองแคมเปญต่อเครือข่าย

ลูกค้าสามารถนำ SKAdNetwork ไปใช้ได้ด้วยตนเองหรือด้วยความช่วยเหลือของ Adjust หลังจากที่ผสานรวมกับ Adjust แล้ว Apple จะยังเป็นผู้ทำหน้าที่ระบุแหล่งที่มา ในขณะที่ Adjust จะดูแลการรวบรวมข้อมูล

ค่า Conversion บน SKAdNetwork คืออะไร

เมื่อมีการคลิกโฆษณาและเปิด App Store ขึ้น App Store จะส่งการแจ้งเตือนเกี่ยวกับ conversion ที่สำเร็จไปยังเครือข่ายโฆษณาหรือนักพัฒนาแอป ซึ่งประกอบไปด้วย ID ของผู้เผยแพร่, ID ของเครือข่าย และ ID ของแคมเปญ ค่า Conversion จะได้รับแนบมาพร้อมกับสิ่งต่างๆ นี้ด้วย ซึ่งสามารถกำหนดในแอปได้

ค่า Conversion คือตัวเลขระหว่าง 0 ถึง 63 (หรือระหว่าง 000000 ถึง 111111 ในรูปแบบเลขฐานสอง) ซึ่งกำหนดโดยผู้ลงโฆษณาเพื่ออนุญาตให้มีการติดตามอีเว้นต์หลังการติดตั้งขั้นพื้นฐาน การแจ้งเตือนและค่า Conversion นี้จะได้รับการส่งอย่างน้อยใน 24 ชั่วโมงหลังจากที่ผู้ใช้งานเปิดแอปเป็นครั้งแรก เพื่อป้องกันการเชื่อมต่อข้อมูลเข้ากับตัวตนของผู้ใช้ที่เฉพาะเจาะจง

นักพัฒนาแอปจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าต้องการจับคู่อีเว้นต์ใดกับค่า Conversion ตัวอย่างเช่น หากเป็นเกมก็อาจต้องการติดตามการอัพเลเวล อย่างไรก็ตาม ค่า Conversion นั้นมีขอบเขตอันสำคัญอยู่ ซึ่งก็คือ เป็นค่าที่มีทิศทางเดียว สามารถเดินหน้าไปในลักษณะขึ้นเท่านั้น และต้องจับคู่กับอีเว้นต์ที่เกิดขึ้นใน 24 ชั่วโมงแรกหลังการติดตั้ง ตัวอย่างเช่น สมมติว่าเกมสร้างรหัสอีเว้นต์สำหรับ "เลเวลหนึ่ง" ที่อ่านว่า 000001 จากนั้นผู้ใช้งานซื้อสกุลเงินในเกมซึ่งได้รับการกำหนดค่าที่แตกต่างกันเป็น 000011 หากผู้ใช้งานรายนี้เปลี่ยนเป็น 'เลเวลสอง' ในภายหลัง บิตจะไม่สามารถเปลี่ยนเป็น 000010 ได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงเกิดได้เพียงทิศทางเดียวเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ นักพัฒนาจำเป็นต้องกำหนดค่าบิตให้กับเส้นทางแต่ละเส้นทางหรือให้กับรูปแบบร่วมกันที่อาจเป็นไปได้ แทนที่จะกำหนดให้กับแต่ละอีเว้นต์

ข้อกังวลประการหนึ่งเกี่ยวกับค่า Conversion เหล่านี้คือค่า Conversion จะอยู่ในสถานะ Unsigned ซึ่งหมายความว่านักพัฒนาแอปจะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าอีเว้นต์นั้นเกิดขึ้นภายใต้ระดับแบบเดิมหรือไม่

การจับเวลาค่า Conversion

เมื่อผู้ใช้งานเปิดแอปเป็นครั้งแรก ตัวจับเวลาจะเริ่มจับเวลาเป็นเวลา 24 ชั่วโมงจนกว่าค่า Conversion จะได้รับการส่งไปยังเครือข่ายของโฆษณา ทุกครั้งที่ค่า Conversion ได้รับการอัปเดตอันเนื่องมาจากอีเว้นท์ in-app กรอบเวลาจะขยายไปอีก 24 ชั่วโมง

เมื่อตัวจับเวลากลายเป็นศูนย์เนื่องจากไม่มีอีเว้นต์ Conversion เกิดขึ้นอีกภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง ตัวจับเวลา 24 ชั่วโมงที่สองสำหรับการระบุแหล่งที่มาจะเริ่มนับถอยหลัง ระบบ SKAdNetwork จะส่งข้อมูลในการระบุแหล่งที่มากลับมาภายในช่วงเวลาสุ่มในกรอบเวลา 24 ชั่วโมงนี้ในรูปแบบข้อมูลรวม โดยข้อมูลนี้จะไม่สามารถเข้าถึงรายละเอียดในระดับผู้ใช้งานได้ การสุ่มและความล่าช้าในการส่งมอบเพย์โหลดของ SKAdNetwork นี้ป้องกันไม่ให้ทริกเกอร์จากอีเว้นต์ in-app เช่น การเข้าสู่ระบบหรือการสั่งซื้อได้รับการเชื่อมโยงเข้ากับผู้ใช้แต่ละราย อย่างไรก็ตาม ความล่าช้านี้ยังป้องกันไม่ให้นักการตลาดออพติไมซ์แคมเปญ SKAdNetwork ของตนแบบเรียลไทม์ได้

Img

เพื่อใช้ประโยชน์จาก SKAdNetwork ให้ได้มากที่สุด นักการตลาดจำเป็นต้อง ทำงานอย่างละเอียดรอบคอบภายใน 24 ชั่วโมงแรก ในการใช้ประโยชน์จากข้อมูลทั้งหมดที่มีเพื่อให้เห็นภาพพฤติกรรมของผู้ใช้งานที่ชัดเจน การเปิดเผยพฤติกรรมของผู้ใช้งานที่เกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงแรกเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างค่า Conversion ที่สามารถคาดการณ์และประเมินคุณภาพของผู้ใช้งานที่คุณได้รับได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากข้อมูลนี้สามารถรวบรวมได้เฉพาะใน 24 ชั่วโมงแรกเท่านั้น นักพัฒนาแอปจึงต้องมีส่วนร่วมกับผู้ใช้งานให้มากที่สุดภายในกรอบเวลา 24 ชั่วโมงแรกนั้น นี่จะทำให้คุณเข้าใจในตัวผู้ใช้งานของคุณมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีในระยะยาวและคุณยังสามารถกำหนดเป้าหมายและทำให้พวกเขาอยู่กับเราได้ต่อไป

บทที่ 4: การระบุแหล่งที่มาหลัง iOS 14.5

ด้วยเฟรมเวิร์ก AppTrackingTransparency ในการระบุแหล่งที่มาบน iOS นักการตลาดต้องทำตัวอย่าง

มีสามตัวเลือกสำหรับการระบุแหล่งที่มาหลังจากการใช้งาน iOS 14.5 ซึ่งก็คือ SKAdNetwork, การระบุแหล่งที่มาแบบตายตัว และการระบุแหล่งที่มาแบบไม่ตายตัว นักการตลาดมีทางเลือกในการใช้วิธีการเหล่านี้ร่วมกันให้ตรงต่อความต้องการของพวกเขามากที่สุด Adjust รองรับวิธีการเหล่านี้ทั้งสามวิธี และสามารถให้คำแนะนำว่าวิธีใดอาจได้ผลดีที่สุดสำหรับแอปบางตัว

การระบุแหล่งที่มาแบบตายตัวยังคงเป็นตัวเลือกที่แม่นยำที่สุดสำหรับผู้ลงโฆษณาหากผู้ใช้งานยินยอมที่จะแชร์ IDFA อย่างไรก็ตาม ด้วยอัตราการ opt-in ผู้ลงโฆษณาจะต้องใช้ SKAdNetwork ด้วย แม้ว่าจะมีข้อจำกัด ทางเลือกนี้น่าจะยังให้ข้อมูลที่มีความแม่นยำเกี่ยวกับการระบุแหล่งที่มาจากคลิกสุดท้ายของการติดตั้งซึ่งรวบรวมมาได้ เราเชื่อว่าแม้ว่าการใช้งานทั้งสามวิธีจะก่อให้เกิดความซับซ้อนสูงสุด แต่ก็มอบโอกาสที่มากที่สุดเช่นกัน

การระบุแหล่งที่มาแบบไม่ตายตัวคืออะไร

การระบุแหล่งที่มาแบบไม่ตายตัวเป็นรูปแบบหนึ่งของการระบุแหล่งที่มาที่มาจากความน่าจะเป็น ไม่ใช่การจับคู่ ID หรือดีไวส์ (ซึ่งเรียกว่าการระบุแหล่งที่มาแบบตายตัว) ตัวเลือกนี้อาศัยการเรียนรู้ของสมองกลและเทคนิคการสร้างแบบจำลองทางสถิติเพื่อระบุ Conversion ที่มีความน่าจะเป็นในระดับสูงที่ตรงกับหลักเกณฑ์ของ Apple

ในกรณีของ Adjust การจับคู่ของวิธีการแบบไม่ตายตัวคือวิธีการระบุแหล่งที่มาแบบรองของเรา เราใช้รายละเอียดอุปกรณ์ในการระบุแหล่งที่มาของการติดตั้งแอปกับคลิก และการมองเห็นแอด  (Impressions) ที่มีลักษณะที่ตรงกัน ในฐานะที่เราเป็น MMP เราไม่ติดตามผู้ใช้งานข้ามเวบไซต์หรือข้ามแอป เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวของเราคือระบุแหล่งที่มาของการติดตั้งแอปเข้ากับการมีปฏิสัมพันธ์ (Engagement) โดยมีความแน่นอนได้ระดับหนึ่ง เนื่องจาก 80% ของการติดตั้งแอปเกิดขึ้นภายในชั่วโมงแรกหลังคลิก การระบุแหล่งที่มาในรูปแบบนี้ไม่จำเป็นต้องมีไอดีถาวร เราสามารถใช้ข้อมูลชั่วคราวได้ (เช่น เวลาที่คลิก เวลาที่ติดตั้ง และข้อมูลอุปกรณ์พื้นฐาน) ที่จะหมดอายุภายในไม่กี่ชั่วโมง

การระบุแหล่งที่มาแบบไม่ตายตัวไม่ได้มีขึ้นเพื่อใช้แทน SKAdNetwork และยังไม่แม่นยำเท่า อย่างไรก็ตาม การระบุแหล่งที่มาแบบไม่ตายตัวจะเป็นเครื่องมือที่มีค่าให้ผู้ลงโฆษณานำไปใช้รันแคมเปญได้ การระบุแหล่งที่มาแบบไม่ตายตัวจะเป็นช่วยให้นักการตลาดมองเห็นข้อมูลชิ้นงานโฆษณาได้มากขึ้น ทำให้สามารถวิเคราะห์ชิ้นงานโฆษณา สร้างแบบจำลองประสิทธิภาพเกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านโฆษณา และการปรับปรุง ROI อย่างไรก็ตาม การรวมวิธีการระบุแหล่งที่มาของผู้ใช้เข้าด้วยกันอาจก่อให้เกิดปัญหาการระบุที่มาที่ซ้ำซ้อนได้

การระบุแหล่งที่มาแบบซ้ำซ้อนคืออะไร

การระบุแหล่งที่มาที่ซ้ำกันเป็นปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้สำหรับผู้ลงโฆษณาที่ยิงโฆษณาไปบนเครือข่ายที่สนับสนุนทั้งการระบุแหล่งที่มาแบบตายตัวและ SKAdNetwork ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ลงโฆษณาได้รับการเรียกเก็บเงินสองครั้งต่อผู้ใช้งานรายเดียวกัน การระบุแหล่งที่มาแบบซ้ำซ้อนเกิดขึ้นได้อย่างไร

ลองคิดดูว่าหากคุณกำลังรันแคมเปญแบบ non-SKAdNetwork และคุณมีผู้ใช้งานที่ให้ความยินยอมทั้งบนแอปของผู้เผยแพร่โฆษณาและบนแอปของคุณ ซึ่งจะทำให้ช่องทางนั้นติดตามผู้ใช้งานผ่าน IDFA อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้งานคลิกหรือเห็นโฆษณาของ SKAdNetwork จากช่องทางมีเดียอื่นๆ ภายใน 30 วันที่ผ่านมา SKAdNetwork จะให้เครดิตการติดตั้งแก่ช่องทางนั้นด้วย เนื่องจากข้อมูลการติดตั้ง SKAdNetwork จะได้รับการรวมเข้าด้วยกัน จึงไม่มีทางที่จะยกเลิกการระบุแหล่งที่มาผู้ใช้ที่ซ้ำซ้อนได้

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดอ่านบล็อกโพสต์ของเราเรื่อง วิธีหลีกเลี่ยงการระบุแหล่งที่มาแบบซ้ำซ้อนใน iOS 14.5 ขึ้นไป

บทสรุป

แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้นที่ iOS 14.5 จะเป็นจุดผกผันของระบบนิเวศการตลาดบนมือถือที่เติบโตเต็มที่ แต่การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ได้ก่อให้เกิดการหยุดชะงัก ตามที่มีการคาดการณ์ไว้มากมายล่วงหน้า การโฆษณาและการหาผู้ใช้งานใหม่ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแอปที่มองหาการเติบโต และแอปที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงและยังคงความคล่องตัวไว้ในขณะที่ปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานและปฏิบัติตามแนวทางของ Apple จะเป็นแอปที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด

ด้วยเหตุนี้ Adjust จึงได้พัฒนาแนวทางในหลากหลายด้านเพื่อช่วยให้นักการตลาดสามารถใช้ข้อมูลของตนได้อย่างมั่นใจต่อไป ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนอย่างเต็มที่สำหรับเฟรมเวิร์ค ATT, โซลูชั่น SKAdNetwork ที่ครอบคลุม และ โซลูชั่นการสร้างแบบจำลองค่า Conversion แบบภายในองค์กร ที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมช่องว่างระหว่างแนวทางแบบตายตัวและ SKAdNetwork

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ iOS 14.5 ขึ้นไป ติดตามข้อมูลและการพัฒนาล่าสุด หรือรับคำแนะนำที่ปรับให้เหมาะสมกับแอปหรือความต้องการทางธุรกิจของคุณโดยเฉพาะ คุณสามารถ [ขอตัวอย่าง] ได้ที่ (https://www.adjust.com/th/request-a-demo/see-adjust/) เพื่อดูวิธีที่วิธีแก้ปัญหาของ Adjust ในทางปฏิบัติ หรือค้นดู ศูนย์ข้อมูล iOS 14.5 ขึ้นไป ที่ สำหรับภาพรวมของคู่มือและข้อมูลทั้งหมดของเรา

อยากรู้ข้อมูลเชิงลึกของแอปเป็นรายเดือนไหม เป็นสมาชิกจดหมายข่าวของเราได้